1 องค์ประกอบของดิน ดินเป็นสิ่งแวดล้อมที่เกิดเองตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการผุพังย่อยสลายของหิน ซากพืช ซากสัตว์ และมีการทับถมกันเป็นเวลานานจนกลายเป็นดิน ในดินมีองค์ประกอบ ดังนี้
เม็ดดินหรือเนื้อดิน ซึ่งเกิดจากการผุพังของหินเป็นส่วนประกอบสำคัญของดิน
ซากพืชและซากสัตว์ที่มีการเน่าเปื่อยทับถมกัน ( ฮิวมัส) อาจปะปนอยู่ในดินบางแห่ง เพราะดินเป็นที่เจริญเติบโตของพืช และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์บางชนิด
น้ำ ที่อยู่ในดินนี้มาจากฝนที่ตกลงมาและไหลงลงในดิน ซึ่งจะแทรกอยู่ตามช่องว่างของดิน
อากาศ เนื่องจากในเนื้อดินมีช่องว่าง จึงมีอากาศแทรกอยู่ในเนื้อดิน ทำให้รากพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในดินมีอากาศหายใจ
2 สมบัติทางกายภาพและประเภทของดิน สมบัติทางกายภาพของดิน คือ ลักษณะของดินในด้านต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่าการเจริญเติบโตของพืชจากสมบัติทางกายภาพของดิน ทำให้สามารถแบ่งดินได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
ประเภทของดิน
ดินเหนียว ดินร่วน ดินทราย
- เนื้อเนียน ละเอียดมาก - เนื้อละเอียดปานกลาง นุ่มมือ - เนื้อหยาบ สากมือ
- เปียกน้ำจะเหนียวติดมือ - เปียกน้ำจะไม่เหนียว - เปียกน้ำจะไม่ติดมือ
- น้ำซึมผ่านได้ยาก - ติดมือเล็กน้อย - น้ำซึมผ่านได้เร็วมาก
- น้ำซึมผ่านได้เร็วกว่าดินเหนียว
1. ดินเหนียว เป็นดินที่มีเนื้อ ละเอียด มีสีดำหรือสีคล้ำ ระบายน้ำและอากาศได้ไม่ดี เพราะเม็ดดินเล็กจับตัวกันแน่นจึงอุ้มน้ำ ไม่แหมาะกับการปลูกพืชทั่วไป แต่เหมาะสำหรับปลูกพืชที่ต้องการน้ำมาก เช่น ข้าว บัว
2. ดินร่วน เป็นดินที่มีเม็ดดินใหญ่กว่าดินเหนียวประกอบด้วยทรายและดินเหนียวในปริมาณพอ ๆ กัน จึงมีสีดำเพราะมีฮิวมัสอยู่มาก ระบายน้ำและอากาศได้ดีปานกลางทำให้ดูดซับอาหารและแร่ธาตุได้ดี จึงเหมาะแก่การปลูกพืชส่วนใหญ่ ได้แก่ พืช ผัก เช่น ฟักทอง ถั่วฝักยาว คะน้า และไม้ผล เช่น มะละกอ ส้ม เงาะ
3. ดินทราย เป็นดินที่มีทรายปนอยู่มาก จึงทำให้มีเนื้อดินหยาบ เม็ดดินใหญ่และไม่เกาะกัน น้ำและอากาศซึมผ่านง่าย ไม่อุ้มน้ำ จึงมีการระบายน้ำและอากาศได้ดี ทำให้มีการจับยึดธาตุอาหารเพื่อบำรุงพืชได้น้อย ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการปลูกพืชทั่วไป แต่เหมาะกันพืชที่ต้องการน้ำน้อย และมีความอดทนสูง เช่น มะพร้าว มันสำปะหลัง ตะบองเพชร
3 ประโยชน์ของดิน
ดิน เป็นสิ่งแวดล้อมที่เราพบเห็นได้ทั่วไป ดินมีประโยชน์มากมายคนใช้ดินทำประโยชน์ เช่น เพาะปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ สร้างบ้านเรือน เป็นที่อยู่อาศัย ใช้ถมที่ พื้นที่ป่าไม้ ปั้นภาชนะ วัสดุก่อสร้าง
เม็ดดินหรือเนื้อดิน ซึ่งเกิดจากการผุพังของหินเป็นส่วนประกอบสำคัญของดิน
ซากพืชและซากสัตว์ที่มีการเน่าเปื่อยทับถมกัน ( ฮิวมัส) อาจปะปนอยู่ในดินบางแห่ง เพราะดินเป็นที่เจริญเติบโตของพืช และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์บางชนิด
น้ำ ที่อยู่ในดินนี้มาจากฝนที่ตกลงมาและไหลงลงในดิน ซึ่งจะแทรกอยู่ตามช่องว่างของดิน
อากาศ เนื่องจากในเนื้อดินมีช่องว่าง จึงมีอากาศแทรกอยู่ในเนื้อดิน ทำให้รากพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในดินมีอากาศหายใจ
2 สมบัติทางกายภาพและประเภทของดิน สมบัติทางกายภาพของดิน คือ ลักษณะของดินในด้านต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่าการเจริญเติบโตของพืชจากสมบัติทางกายภาพของดิน ทำให้สามารถแบ่งดินได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
ประเภทของดิน
ดินเหนียว ดินร่วน ดินทราย
- เนื้อเนียน ละเอียดมาก - เนื้อละเอียดปานกลาง นุ่มมือ - เนื้อหยาบ สากมือ
- เปียกน้ำจะเหนียวติดมือ - เปียกน้ำจะไม่เหนียว - เปียกน้ำจะไม่ติดมือ
- น้ำซึมผ่านได้ยาก - ติดมือเล็กน้อย - น้ำซึมผ่านได้เร็วมาก
- น้ำซึมผ่านได้เร็วกว่าดินเหนียว
1. ดินเหนียว เป็นดินที่มีเนื้อ ละเอียด มีสีดำหรือสีคล้ำ ระบายน้ำและอากาศได้ไม่ดี เพราะเม็ดดินเล็กจับตัวกันแน่นจึงอุ้มน้ำ ไม่แหมาะกับการปลูกพืชทั่วไป แต่เหมาะสำหรับปลูกพืชที่ต้องการน้ำมาก เช่น ข้าว บัว
2. ดินร่วน เป็นดินที่มีเม็ดดินใหญ่กว่าดินเหนียวประกอบด้วยทรายและดินเหนียวในปริมาณพอ ๆ กัน จึงมีสีดำเพราะมีฮิวมัสอยู่มาก ระบายน้ำและอากาศได้ดีปานกลางทำให้ดูดซับอาหารและแร่ธาตุได้ดี จึงเหมาะแก่การปลูกพืชส่วนใหญ่ ได้แก่ พืช ผัก เช่น ฟักทอง ถั่วฝักยาว คะน้า และไม้ผล เช่น มะละกอ ส้ม เงาะ
3. ดินทราย เป็นดินที่มีทรายปนอยู่มาก จึงทำให้มีเนื้อดินหยาบ เม็ดดินใหญ่และไม่เกาะกัน น้ำและอากาศซึมผ่านง่าย ไม่อุ้มน้ำ จึงมีการระบายน้ำและอากาศได้ดี ทำให้มีการจับยึดธาตุอาหารเพื่อบำรุงพืชได้น้อย ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการปลูกพืชทั่วไป แต่เหมาะกันพืชที่ต้องการน้ำน้อย และมีความอดทนสูง เช่น มะพร้าว มันสำปะหลัง ตะบองเพชร
3 ประโยชน์ของดิน
ดิน เป็นสิ่งแวดล้อมที่เราพบเห็นได้ทั่วไป ดินมีประโยชน์มากมายคนใช้ดินทำประโยชน์ เช่น เพาะปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ สร้างบ้านเรือน เป็นที่อยู่อาศัย ใช้ถมที่ พื้นที่ป่าไม้ ปั้นภาชนะ วัสดุก่อสร้าง